หลาย ๆ คนที่กำลังคิดจะมีลูกก็มีปัญหาว่า "ทำยังไงถึงจะท้องซะที" วันนี้จะว่ากันถึงเรื่อง
จังหวะเวลา / การปฏิบัติ / ความถี่ ที่จะทำให้มีโอกาสตั้งท้องได้สูงสุดกัน

ก่อนจะเริ่มตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ต้องมีสุขภาพที่ดีด้วย จึงควรไปพบคุณหมอ แล้วบอกคุณหมอไปตามตรงเลยนะว่า
ตอนนี้อยากมีลูกแล้ว คุณหมอจะให้คำแนะนำ แล้วก็ตรวจร่างกายคุณแม่ว่ามีอะไรผิดปกติ ที่สำคัญก็ต้องตรวจภายใน
เช็กมะเร็ง ปากมดลูก ตรวจดูปีกมดลูกว่ามีก้อนเนื้อหรือซีสต์อะไรผิดปกติหรือเปล่า หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็จะ
ได้รีบรักษาให้หายเสียก่อน ดีกว่ามาเจอความผิดปกติ เอาตอนท้อง ซึ่งก็จะทำให้รักษายากเพราะต้องคำนึงถึงผล
กระทบต่อเด็กในท้องอีกคนด้วย ที่สำคัญและลืมไม่ได้ก็คือ ต้องตรวจเลือดด้วย เพื่อหาโรคเอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับ
อักเสบบี หัดเยอรมัน ตอนนี้ไว้ใจใครได้ง่าย ๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ
เอาเป็นว่าตอนนี้ก็พร้อมเต็มที่ ทุนทรัพย์พร้อม ร่างกายพร้อม มดลูกพร้อม สามีพร้อม ตอนนี้ก็ถึงภาคปฏิบัติทำให้
ท้องซะที
มูกไข่ตก…สำคัญไฉน
เมื่อเราตั้งใจจะมีลูก ควรให้ความสนใจกับรอบเดือนของตนเองมาก ๆ หน่อย ต้องคอยจดไว้ว่าประจำเดือนมา
เมื่อไหร่ หมดเมื่อไหร่ มาสม่ำเสมอดีหรือเปล่า ที่ต้องให้จด เพื่อจะได้รู้ว่าไข่จะตกเมื่อไหร่นั่นเองครับ
ในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาทุก 28 วัน ถ้านับว่าประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบ ไข่ก็จะตกในวันที่ 14
แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาทุก 30 วัน ไข่ก็จะตกในวันที่ 16 ของรอบ หรือประจำเดือนมาทุก 32 วัน
ก็จะตกไข่ในวันที่ 18 ของรอบ คือเกิน 28 วันไปเท่าไรก็บวกกับวันที่ไข่ตกไปเท่านั้น
ช่วงที่มีไข่ตกจะสังเกตว่ามีตกขาวเป็นมูกใส ๆ ลื่น ๆ เฉอะแฉะออกมาเยอะ อย่างนี้เรียกว่า "มูกไข่ตก" ถ้าลองใช้มือ
จับเอามูกนี้ติดมือออกมาก็จะพบว่ามันใส ลื่น แล้วก็สามารถจับยืดได้กว่า 10 เซนติเมตรโดยไม่ขาดจากกัน แตกต่าง
จากมูก ตอนช่วงอื่น ๆ ที่เหนียว ข้น แล้วก็ไม่สามารถจับยืดได้มากนัก ถ้าเจอมูกอย่างนี้จัดการได้เลยครับ

แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาไม่ค่อยสม่ำเสมอเป็นปกตินัก บางทีก็ 30 วัน 35 วัน บางทีหายไป
2 เดือนเลยก็มี กรณีนี้การนับวันก็คงจะลำบากนิดหน่อย นอกจากการใช้วิธีสังเกตมูกไข่ตกช่วยด้วยแล้วอาจต้อง
ใช้ชุดทดสอบหาวันไข่ตก ( LH Ovvlation test )ช่วยเสริม
ในช่วงที่มีไข่ตกนี้ บางคนก็อาจมีอาการปวดถ่วง ๆ ระบมในท้องน้อย ปวดร้าวออกไป ข้างหลัง อาการนี้ก็เกิดจาก
รังไข่เป่งบวม มีไข่ตกแตกทะลุออกมา บางทีก็มีเลือดไหล ซึมออกมาจากรังไข่ไปขังอยู่ในอุ้งเชิงกราน ก็ทำให้เกิด
การปวดท้องน้อยได้ ผู้หญิงบางคนก็มีอาการนี้นาน ๆ ที บางคนก็เป็นบ่อย ส่วนมากแล้วอาการปวดท้องน้อยนี้ จะ
หายได้เองใน 1-2 วัน ผู้หญิงบางคนพอมีอาการระบมในท้องน้อยอย่างนี้ ก็ไม่อยากที่จะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้
เลยไม่ท้องซะที
ยุ่งกันถี่…ใครว่าจะมีลูกง่าย ๆ
นอกจากนี้แล้วก็เป็นหน้าที่ของผู้ชายบางล่ะ ผู้ชายก็ต้องทำหน้าที่ของตัวให้ตรงช่วงกับที่มีไข่ตก แต่บางคนกลับ
ขยันเกินไป ช่วงสัปดาห์ที่มีไข่ตกก็จัดการทำการบ้านทุกวัน วันละหลาย ๆ นัด เรียกว่าถล่มปูพรมกะให้ติดให้ได้
ระบมอย่างนี้ไม่ได้เกิดจากไข่ตกนะครับ กลายเป็นยุ่งกันมากจนระบมมากกว่า สุดท้ายก็ไม่ติดครับ
การมีอะไรกันถี่มากเกินไปก็ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์น้อยลง หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ายิ่งยุ่งกันถี่ ๆ ยิ่ง
มีโอกาสท้องได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณผู้ชายรู้จักตัวอสุจิลูกหลานของคุณเองก็จะเข้าใจเองนะครับ
ตัวอสุจิสร้างออกมาจากลูกอัณฑะทั้งสองข้าง โดยค่อย ๆ เติบโตจากตัวอ่อนเบบี้จนโตเต็มที่เป็นหนุ่มใหญ่วัยผสมพันธ์
ใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ แก่ตัวลง หมดเรี่ยวหมดแรงไปในที่สุด
ดังนั้นหากมีการปล่อยตัวอสุจิออกไปทำหน้าที่ถี่ ๆ ทุกวันทุกคืน ตัวอสุจิที่ออกไป ยังโตไม่ทันเป็นแค่ตัวอ่อนเบบี้ ยังทำ
อะไรไม่เป็นก็เหมือนเกณฑ์เด็กไปเป็นทหาร มันก็ไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหรอกครับ
ยุ่งกันบ่อย…แค่ไหนมีสิทธิ์ "ติดลูก"
อัตราการมีเพศสัมพันธ์ที่กำลังดีคือ วันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ซึ่งตัวอสุจิ ที่ปล่อยออกไปจะเป็นตัวที่โตเต็มที่
แข็งแรงแหวกว่ายเข้าไปได้จนถึงปลายทาง ปกติแล้วตัวอสุจิจะใช้เวลาเดินทางแค่ไม่ถึง 5 นาที นับตั้งแต่ปล่อยออก
มาเข้าไปใน ปากมดลูก ผ่านตัวมดลูก แล้วแบ่งกันวิ่งเลี้ยวเข้าไปในปีกมดลูก จนวิ่งเข้าไปเจอไข่ ที่ล่องลอยอยู่ใน
ปีกมดลูก แต่มีแค่ตัวเดียวที่สามารถเจาะไข่แดงเข้าไปได้
.jpg)
จริง ๆ แล้ว ตัวอสุจิมันไม่รู้หรอกครับว่า ต้องวิ่งเข้าไปยังไง ตรงไป เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา ไม่มีป้ายคอยบอกทาง
ไม่มีแผนที่ดูเอาไว้ก่อน แต่เพราะตัวอสุจิที่ปล่อยออกมา มีจำนวนมากมาย ปล่อยออกมาที่หนึ่งก็เป็นหลายร้อยล้านตัว
แต่ละตัวต่างวิ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ บางตัววิ่งออกมาข้างนอก บางตัวก็วิ่งวนไปวนมา มีบางตัววิ่งเข้าไปในปากมดลูก
ได้สำเร็จ และมีแค่ประมาณ 5 พันตัวเท่านั้นเอง ที่สามารถวิ่งไปถึงไข่ แต่ก็มีหนึ่งในห้าพันนี้เท่านั้น ที่เจาะเข้าไป
ในไข่ เกิดการปฏิสนธิได้สำเร็จ
ผู้หญิงบางคนพอมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ก็รีบล้างออกทันทีจนหมด ถ้าอยากมีลูกไม่ควรล้างออกนะครับให้นอนหงาย
นิ่ง ๆ อย่างน้อย 5 นาที เพื่อไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาข้างนอกหมดเสียก่อน ถ้าอยากมีลูกแล้ว น้ำอสุจิมีค่าทุกหยาด
หยดเลยนะครับ
น้ำอสุจิของผู้ชายเราไม่ใช่เป็นของที่สกปรก แต่ที่จริงแล้วมันสะอาดปราศจากเชื้อโรค ใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นในกรณีที่
ผู้ชายคนนั้นเป็นกามโรคนะครับ ดังนั้นหากมันตกค้าง อยู่ภายในช่องคลอดชั่วข้ามคืนก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียใดๆ
ตามมาหรอกครับ
ตรวจรับผลงาน
คราวนี้ก็ต้องรอดูผลงาน เมื่อถึงครบกำหนดที่ต้องมีประจำเดือนมา แต่กลับเงียบจ้อย หายไปเฉย ๆ ก็ส่อแววว่า
จะตั้งครรภ์แล้ว ก็ให้ตรวจครรภ์ด้วยตนเองก่อน หาซื้ออุปกรณ์สำหรับตรวจได้จากร้านขายยาทั่วไป รายละเอียด
ปัสสาวะที่ใช้ตรวจก็ควรเป็น ปัสสาวะในตอนเช้า เพราะว่ามันจะมีปริมาณฮอร์โมนออกมาค่อนข้างเยอะ ตรวจเจอ
ง่ายกว่า สายๆ บ่าย ๆ กินโน่นกินนี่ ปัสสาวะอาจจะเจือจางลงแล้ว ตรวจไม่เจอก็ได้ ถ้าตรวจครรภ์แล้วปรากฏว่า
"ท้อง" ก็ถือว่าสำเร็จตามหลักสูตร
ถ้าตรวจดูแล้ว "ไม่ท้อง" ให้รออีกหน่อยรออีก 7 วัน ประจำเดือนยังไม่มา ก็ให้ตรวจปัสสาวะซ้ำอีกครั้ง บางคนมา
ตรวจเจอเอาครั้งหลังก็มีเหมือนกัน ต้องลุ้นกันหน่อยครับ
สำหรับบางคู่ เพียรพยายามมาครบทุกสูตรแล้วก็ยังไม่ท้อง มีเพศสัมพันธ์กันตามปกติ ไม่ได้ว่างเว้น แล้วก็ไม่ได้
คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ ด้วย หากเกิน 1 ปีไปแล้ว ก็ให้ปรึกษา คุณหมอได้เลยครับ คุณหมอสูติฯ ที่รักษาเกี่ยวกับการ
มีบุตรยากนั่นแหละครับ
คนที่อยากมีลูกก็ขอให้ประสบความสำเร็จนะครับ จะได้เป็นแฟน "ดวงใจพ่อแม่" กันไปนาน ๆ
ถ้าอย่างนี้ก็มีลูกง่าย
ข้อมูลตรงนี้อาจช่วยให้แผนการมีลูกประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
- โอกาสที่จะเกิดลูกได้ง่ายที่สุดคือช่วง 6-12 ชั่วโมงหลังการตกไข่ รู้ว่าตกไข่เมื่อไร อย่ารอช้านะครับ
- อายุ 24 ปี ของทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงเป็นวัยนาทีทอง ที่มีโอกาสติดลูกมากที่สุด
- 1 ใน 4 ของคู่แต่งงานที่ไม่ได้คุมกำเนิด จะตั้งครรภ์ตั้งแต่เดือนแรก และ 60 เปอร์เซ็นต์
จากบทความ เทคนิคการเพิ่มโอกาสการมีบุตร
อยากมีลูก…ทำยังไงให้ท้อง
น.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์