www.try2havebaby.com
เบอร์โทร : 085-913-9524
อีเมล : try2havebaby@gmail.com
line id : try2havebaby.com

การรักษาด้วยแพทย์จีน ต่างจากแพทย์แผนปัจจุบันอย่างไร แพทย์จีน VS แพทย์แผนปัจจุบัน เขียนโดยหมอเชน หยินและหยาง
หลักการที่โดดเด่นที่สุดของแพทย์จีนและก็เป็นหลักการที่ทำให้เกิดความแตกต่างกับแพทย์แผนปัจจุบันมีอยู่สองข้อใหญ่ๆครับ
1. คือการมองแบบองค์รวม (整体观念) การมองแบบองค์รวมนี้ใช้ได้ตั้งแต่เรื่องเล็กตั้งแต่การทำงานร่วมกัน ของอวัยวะในการรักษา แพทย์จีนจะไม่มองเป็นแต่ละอวัยวะ ถ้าเป็นแพทย์แผนปัจจุบันเวลารักษาจะมุ่งเน้นไปที่อวัยวะที่เกิดโรคนั้นๆ เพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเรื่องการไอ แพทย์แผนปัจจุบันจะมองว่าโรคเกิดที่ปอดและจะมุ่งรักษาปอดเพียงอย่างเดียว ขณะที่แพทย์จีนจะไม่มองว่ามีเพียงแค่ปอดที่ทำให้เกิดการไอเพราะคัมภีร์จีน โบราณบอกไว้ชัดเจนตั้งแต่สองพันปีก่อนว่า ทุกอวัยวะเช่น ตับ ไต กระเพาะ เป็นต้นล้วนทำให้เกิดอาการไอ (แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าอวัยวะของแพทย์ทั้งสองแผนก็ไม่ได้หมายถึงอวัยวะใน ลักษณะเดียวกันนะครับ เพราะอวัยวะทางแพทย์แผนปัจจุบันคือ อวัยวะทางสรีระวิทยา เป็นรูปเป็นร่าง เป็นของจับต้องได้ ขณะที่บางอวัยวะของแพทย์จีนหมายถึงการทำงาน เช่น ม้ามไม่ได้หมายถึงอวัยวะม้าม แต่หมายถึงอวัยวะที่เกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารทั้งหมด)
ถ้ามองแบบ องค์รวมในเรื่องใหญ่ขึ้นมาอีกก็เช่นมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและอาศัย อยู่ในสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ความเครียด ความรวย ความจน เพื่อนไม่ดี หรือฝนตก ร้อนไป หนาวไป ปัจจัยภายนอกต่างๆล้วนส่งผลกระทบต่อมนุษย์เราทั้งสิ้น ดังนั้นเวลาแพทย์จีนจะตรวจรักษาจะคิดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลารักษากับแพทย์จีนแล้วต้องคุยกันเยอะ คุยกันยาว บางทีคุยจนคนไข้อารมณ์ดีโรคหายโดยไม่ต้องรักษาก็มี เพราะโรคมันอยู่ที่ใจ ทุกวันนี้ องค์กรอนามัยโลก WHO นิยามคำว่า"สุขภาพดี" คือต้องดีทั้งกาย ใจ และสังคม เรื่องนี้แพทย์แผนจีนพูดไว้นานแล้วแต่แพทย์แผนปัจจุบันพึ่งมานิยามทีหลัง เมื่อไม่นานนี้เอง
2. คือการวินิจฉัยโรคที่เฉพาะเจาะจง (辨证论治) โรคทางแพทย์จีนนั้นสามารถแบ่งหมวดหมู่ย่อยลงไปได้มากกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน อีก ยกตัวอย่างเรื่องการไออีกที แพทย์จีนอย่างที่บอกจากข้อแรกว่า ไอไม่ได้เกี่ยวกับปอดเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้น "ไอ" หนึ่งอาการสามารถแบ่งย่อยสาเหตุลงไปได้อีกมาก เช่น เป็นการไอจากตับ (เวลาอารมณ์เปลี่ยนแปลงแล้วไอ) เป็นการไอจากไต (ไอแล้วรู้สึกเหมือนหายใจไม่สุด อากาศลงไปไม่ถึงท้องน้อย) เป็นการไอจากกระเพาะ (กินของเย็นแล้วไอหนักกว่าเดิม หรือไอแล้วอยากจะอาเจียนไปด้วย) เมื่อแบ่งย่อยขนาดนี้จะเห็นได้ว่าสาเหตุของโรคมันมีมากมาย เวลารักษาก็จำเป็นต้องรักษาไปตามสาเหตุหลักของโรคซึ่งบางทียาที่ใช้นั้นอาจ จะไม่ใส่ยารักษาอาการไอลงไปเลยก็ได้ อาจจะแค่ทำให้ถ่ายท้องสะดวกไม่ท้องผูกแล้วอาการไอดีขึ้นเองก็มี เคสนี้เรียกว่าไอแบบลำไส้ใหญ่ (ตามหลักแพทย์จีน ปอดกับลำไส้ใหญ่มีส่วนเกี่ยวพันกันอย่างแนบแน่น เพราะเส้นลมปราณเชื่อมต่อกันอยู่ สังเกตได้ว่าบางคนเป็นหอบเพราะท้องผูก ถ้าถ่ายท้องแล้วอาการกลับดีขึ้นได้)
แต่แพทย์แผน ปัจจุบันนั้นอาการไอก็คืออาการไอไม่มีการแบ่งย่อยลงไปอีก เวลาให้ยาจึงให้ยาแก้ไออย่างเดียว ซึ่งฤทธ์ยาจะกว้างและครอบคลุมมาก แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่สามารถเจาะลงไปถึงสาเหตุของโรคได้อย่างชัดเจน เรียกได้ว่ารักษาไปตามอาการซึ่งในบางโรคก็ต้องกินยาไปตลอดชีวิตเพราะสาเหตุ ของโรคไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ข้อสองนี้ ไม่ได้พยายามจะพูดว่าแพทย์แผนปัจจุบันไม่พยายามรักษาโรคที่ต้นเหตุนะครับ แต่ว่าต้นเหตุของเขาต้องเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ชนิดจับต้องได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแพทย์แผนปัจจุบันจึงยังหาสาเหตุของโรคมากมาย ไม่พบ ขณะที่แพทย์จีนเข้าใจสาเหตุของโรคได้เกือบทุกโรค เขาเห็นว่าไอเป็นการระคายเคืองในปอด อาจเกิดจากการติดเชื้อ เขาคิดว่านี่คือสาเหตุของโรค เลยรักษาเรื่องการระคายเคืองของปอด ให้ยาฆ่าเชื้อเป็นต้น ขณะที่แพทย์จีนมองลึกลงไปอีก แม้ว่าสาเหตุของโรคในทางแพทย์จีนจะไม่สามารถจับต้องได้ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีหลักการนะทุกอย่างมีหลักการอ้างอิงได้ และผลการรักษาก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าหลักการนี้ถูกต้องสมมติว่า ถ้ามองเรื่องปอดติดเชื้อแล้วไอ แพทย์จีนจะคิดลึกลงไปอีกว่า แล้วทำไมถึงติดเชื้อได้ละ คนอื่นไม่เห็นเป็นเลย พอมาดูก็อาจจะเห็นว่า อ้อเพราะคนไข้ไม่แข็งแรงนะ (ตรงจุดนี้แพทย์แผนปัจจุบันก็คงรู้สาเหตุเหมือนกันครับอาจจะบอกว่าภูมิคุ้ม กันต่ำเป็นต้น) ก็ต้องบำรุงร่างกาย ปรับสมดุล ตรงนี้ใช้ยาจีนรักษาจะเห็นผลชัดครับ ขณะที่หมอแผนปัจจุบันอาจจะบอกได้แบบกำกวมว่าพักผ่อนเยอะๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายบ้างซึ่งก็มีส่วนช่วย แต่ถ้าเสริมยาจีนร่วมด้วยจะยิ่งเห็นผลเร็ว
สองข้อนี้คิดว่าน่าจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นนะว่าสองแพทย์ต่างกันตรงไหน ถ้าไม่เข้าใจก็ลองถามอีกทีละกันครับ
ปล. ถ้าใครเรียนแพทย์แผนจีนอยู่ จำสองข้อนี้ไว้เลยครับ ออกข้อสอบชัวร์
|